วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

3.2 การติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง

1. การต่อระบบไฟและสายเมาส์-คีย์บอร์ด
               การต่อสาย Power ด้านหลังควรจะเสียบให้แน่น ๆ  ส่วนสายเมาท์กับคีย์บอร์ดอย่าใส่สลับกัน  ถ้าใส่สลับกับคีย์บอร์ดอาจจะไม่ติดเลยก็ได้ครับ
              จากนั้นก็ใส่สายจอภาพและสายลำโพงได้ตามลำดับ  เท่านี้ก็เท่ากับเรียบร้อยจากนั้นก็ลองเปิดเครื่องทดสอบกันเลยละกันว่าจะออกมาในลักษณะอย่างไรแต่คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับถ้าได้ปฏิบัติตามที่ผมได้พูดมาทั้งหมดก็เรียบร้อยถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาตอนเปิดเครื่องอย่าตกใจครับ ลองเริ่มต้นตรวจเช็คดูให้ดีๆว่าเราผิดพลาดตรงไหน
2. การต่อสายสัญญาณ
                การต่อสายสัญญาณให้พิจารณ พอร์ต หรือช่องทางที่จะต่อตามภาพ ดังนี้

  • วีจีเอ พอร์ต (VGA Port)
             พอร์ตนี้สำหรับต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับมอนิเตอร์ เป็นพอร์ตขนาด 15 พิน ในคอมพิวเตอร์บางเครื่องอาจจะติดตั้งการ์ดสำหรับถอดรหัสสัญญาณ MPEG เพิ่มเข้ามาซึ่งลักษณะของพอร์ตนั้นจะคล้าย ๆ กันแต่การ์ด MPEG จะมีพอร์ตอยู่สองชุดด้วยกันสำหรับเชื่อมไปยังการ์ดแสดงผลหนึ่งพอร์ต และต่อเข้ากับมอนิเตอร์อีกหนึ่งพอร์ต ดังนั้นเครื่องใครที่มีพอร์ตแบบนี้ ก็ควรจะบันทึกไว้ด้วย เพราะไม่งั้นอาจจะใส่สลับกัน จะทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานไม่ได้
  •  พอร์ตอนุกรม (Serial Port)
               เป็นพอร์ตสำหรับต่อกับอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุต โดยส่วนใหญ่เราจะใช้สำหรับต่อกับเมาส์ในกรณีที่คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นไม่มีพอร์ต PS/2 หรือเป็นเคสแบบ AT นอกจากนั้นเรายังใช้สำหรับเป็นช่องทางการติดต่อโมเด็มด้วย ในคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องจะมีพอร์ตอนุกรมให้อยู่สองพอร์ต เรียกว่าพอร์ตคอม 1 และพอร์ตคอม 2 นอกจากนั้นอาจจะมีฮาร์ดแวร์บางตัว เช่น จอยสติ๊กรุ่นใหม่ ๆ มาใช้พอร์ตอนุกรมนี้เช่นกัน
    • พอร์ตอนุกรมจะมีหัวเข็ม 9 เข็ม หรือ 25 เข็ม (พอร์ตนี้จะเป็นตัวผู้ เพราะมีเข็มยื่นออกมา)
    • พอร์ตนี้จะต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เม้าส์ โมเด็ม สแกนเนอร์ เป็นต้น
    • สามารถต่อความยาวได้ถึง 6 เมตร และราคาสายก็ไม่แพงนัก
  •  พอร์ตขนาน (Pararell Port)
             หน้าที่ของพอร์ตตัวนี้ก็คือใช้สำหรับติดต่อกับเครื่องพิมพ์เป็นหลัก ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สามารถใช้งานร่วมกับสแกนเนอร์ หรือว่าไดรฟ์ซีดีอาร์ดับบลิวได้ด้วย พอร์ตแบบนี้มีขนาดยาวกว่าพอร์ตอนุกรมทั่ว ๆ ไป โดยมีจำนวนพินเท่ากับ 25 พิน สังเกตได้ง่าย
    • พอร์ตขนานจะมีรู 25 รู (พอร์ตนี้จะเป็นตัวเมีย หมายถึงมีรูที่ตัวพอร์ต)
    • พอร์ตนี้จะต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องพิมพ์ เทปไดร์ฟ สแกนเนอร์ เป็นต้น
    • สามารถต่อความยาวไม่มากนัก แถมมีราคาแพงกว่าสายของพอร์ตอนุกรมด้วย
    • การส่งสัญญาณจะส่งได้เร็วกว่าพอร์ตอนุกรม
  • พอร์ตยูเอสบี (USB Port)
              พอร์ตยูเอสบี เป็นพอร์ตแบบใหม่ล่าสุด ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้กับพีซีคอมพิวเตอร์ ให้สามารถรับส่งข้อมูลให้รวดเร็วขึ้น สามารถต่ออุปกรณ์ได้มากถึง 127 ชิ้น เพราะมีแบนด์วิดธ์ในการรับส่งข้อมูลสูงกว่า พอร์ตแบบนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้กับระบบปลั๊กแอนด์เพลย์บนวินโดวส์ 98 ปัจจุบัน มีฮาร์ดแวร์จำนวนมากที่สนับสนุนการเชื่อมต่อแบบนี้ เช่น กล้องดิจิตอล เมาส์ คีย์บอร์ด จอยสติ๊ก สแกนเนอร์ ซีดีอาร์ดับบลิว เป็นต้น สำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ๆ จะมีพอร์ตแบบนี้จะมีพอร์ตแบบนี้อยู่ในเครื่องเรียบร้อยแล้ว
    • คอมพิวเตอร์ปกติจะมี 2 USB Port ถ้าเป็นเครื่องรุ่นเก่าที่ไม่มี USB สามารถหาซื้อการ์ด USB มาติดตั้งได้
    • เป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ สูงประมา 3-5 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1-2 เซ็นติเมตร
    • พอร์ตชนิดใหม่รับส่งความเร็วได้สูงกว่า port ทั่ว ๆ ไป
    • สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อเนื่องได้ 127 ตัว
    • เป็นมาตราฐานใหม่ที่มีมากับเครื่องคอมพิวเตอร์
    • การติดตั้ง เพียงต่ออุปกรณ์เข้ากับ USB port ก็สามารถใช้งานอุปกรณ์นั้นๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้อง boot เครื่องใหม่
  • พอร์ตมัลติมีเดีย (Multimedia Port)
             ปัจจุบันนี้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง มักจะติดตั้งการ์ดเสียงมาให้ด้วย ซึ่งการ์ดนี้จะมีช่องสำหรับต่อกับลำโพง ไมโครโฟน และพอร์ตสำหรับต่อกับจอยสติ๊กอยู่ในตัวโดยพอร์ตต่าง ๆ นั้นจะใช้สีแสดงหน้าที่การทำงาน เช่น ช่องสำหรับต่อลำโพงจะใช้แจ๊กสีเขียว ส่วนไมโครโฟนจะแทนที่ด้วยสีแดง และสีอื่น ๆ สำหรับแทนที่ Line In และ Line Out นอกจากนั้นการ์ดเสียงรุ่นราคาถูก อาจจะไม่ใช้สีแสดงการทำงานของแจ๊กแต่ละตัว แต่จะมีสัญลักษณ์แสดงการทำงานสลักติดอยู่แทน
             เป็นอย่างไรบ้าง สำหรับส่วนประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ทางด้านหลังของคอมพิวเตอร์ ไม่ยากเกินที่จะเรียนรู้ว่าพอร์ตไหนเป็นพอร์ตอะไรใช่ไหม อันที่จริงพอร์ตด้านหลังคอมพิวเตอร์ยังมีอีกหลายชนิดด้วยกัน แต่ที่ไม่กล่าวมาอาจจะไม่สำคัญมากนัก เลยขอละไว้


การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วง
1. การต่อเครื่องพิมพ์
              ในปัจจุบันผู้ใช้คอมพิวเตอร์เนื่องจากจะมีเครื่องพิมพ์ต่อพ่วงด้วยแล้ว อาจมีอุปกรณ์ต่อพ่วงชนิดอื่นอยู่อีก ได้แก่สแกนเนอร์ ดังนั้นการต่อพ่วงเครื่องพิมพ์ มีได้ 2 รูปแบบคือการติดตั้งเครื่องพิมพ์เข้ากับคอมพิวเตอร์โดยตรงและต่อผ่านสแกนเนอร์
  •  ติดตั้งเครื่องพิมพ์เข้ากับคอมพิวเตอร์โดยตรง


สายพรินเตอร์ แบบต่อกับพอร์ต Parallel
การต่อสายพรินเตอร์กับพอร์ต USB
              นำสายพรินเตอร์ (Printer Cable) เสียบเข้าขั้วต่อเครื่องพิมพ์และนำปลายอีกด้านหนึ่งเสียบเข้าท้ายพอร์ต Parallel คอมพิวเตอร์  โดยเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตมักมีแหล่งจ่ายไฟเลี้ยงอยู่ต่างหาก จึงต้องขั้วต่อไฟเลี้ยงเข้าเครื่องพิมพ์ด้วย
  • การต่อเครื่องพิมพ์ผ่านสแกนเนอร์
             ในกรณีที่มีเครื่องสแกนเนอร์เพิ่มขึ้นมา ทำให้เราไม่สามารถต่อเครื่องพิมพ์เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง  คอมพิวเตอร์ทั่วไปจะมีพอร์ต Parallel มาให้เพียง 1พอร์ต  เท่านั้น  การต่อต้องใช้วิธีต่อสายเคเบิ้ลของสแกนเนอร์เข้ากับคอมพิวเตอร์ที่พอร์ต Parallel ก่อนหลังจากนั้นจึงใช้สายพรินเตอร์เสียบเข้ากับ คอนเน็คเตอร์แบบ 25 Pin ที่ท้ายสแกนเนอร์อีกต่อหนึ่ง  ส่วนอีกปลายหนึ่งซึ่งเป็นหัว ต่อแบบ D 36 Pin จึงนำไปต่อเข้ากับขั้วคอนเน็คเตอร์ของเครื่องพิมพ์  ในกรณีที่เป็นเครื่องพิมพ์แบบ USB ซึ่งมีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงกว่าพอร์ต Parallel โดยจะมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงถึง 60 Mbps  โดยมีการเชื่อมเป็นแบบ Daisy Chain คือสามารถเชื่อมต่อกันไปเป็นทอดๆได้ถึง 127 ชิ้น ซึ่งโดยปกติคอมพิวเตอร์จะมีพอร์ต USB มาให้ 2 พอร์ต แต่สามารถต่อเพิ่มได้  
              สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง เมื่อผู้ใช้ได้ติดตั้งอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว นั่นคือ จะต้องทำการติดตั้งโปรแกรมสำหรับการทำงานของพรินเตอร์หรือเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานร่วมกับพรินเตอร์ได้  ในขั้นตอนนี้  คือขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมไดร์ฟเวอร์พรินเตอร์
2. การติดตั้งใช้งานโมเด็ม
              โมเด็มเป็นอุปกรณ์ที่เป็นตัวการในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารต่างๆ จาก เครื่องของเราเข้าสู่อิเตอร์เน็ตเข้าสายโทรศัพท์ผ่านผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ต หรือ ISP (Internet Service Provider) โมเด็มมีอยู่ 2 แบบ    


Internal Modem
External Modem
  • โมเด็มแบบภายใน (Internal Modem)
              เป็นโมเด็มแบบที่เป็นการ์ดติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์  ใช้เสียบกับสล็อตบนเมนบอร์ดได้ทันที  ในปัจจุบันโมเด็มที่มีจำหน่ายมักเป็นแบบ PCI และส่วน ใหญ่จะมีความเร็ว56 Kbps ตามมาตรฐาน V.9
              โมเด็มรุ่นใหม่จะเป็นแบบ Plug and Play ซึ่งเมื่อติดตั้งแล้วระบบปฏิบัติ การจะรู้จักและไดรเวอร์จะติดตั้งให้เอง โดยจะทำงานผ่านพอร์ตอนุกรม (Serial) ในตัวเอง  ดังนั้น  ถ้าโมเด็มรุ่นเก่าจะต้องปิดการทำงานของพอร์ตอนุกรมเลขที่เดียวกันเสียก่อน  โดยการกำหนดจากไบออสเครื่อง
              ข้อดีของโมเด็มประเภทนี้ก็คือ มีราคาถูก ไม่เปลืองเนื้อที่บนโต๊ะทำงาน ไม่ต้องต่อสายไฟให้เกะกะ และไม่ต้องมีอะแดปเตอร์คอยต่อไฟเลี้ยง
ขั้วต่อ
หน้าที่
1. Line
สำหรับใช้เสียบสายสัญญาณโทรศัพท์ขั้วต่อสัญญาณโทรศัพท์บ้าน
2. Phone
สำหรับใช้เสียบสายสัญญาณโทรศัพท์เข้ากับเครื่องรับโทรศัพท์
3. MIC
เสียบต่อไมโครโฟนสำหรับการใช้เสียงในอินเตอร์เน็ต
4. SPK
ใช้เสียบต่อลำโพงเพื่อฟังเสียง
  • โมเด็มแบบภายนอก (External Modem)
              เป็นโมเด็มที่ใช้ติดตั้งภายนอก  ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้อีกสองชนิดคือแบบ พอร์ต  Serial และแบบพอร์ต USB (Universal serial bus) ซึ่งโมเด็มแบบนี้  จะประกอบไปด้วยกล่องพลาสติกภายในบรรจุแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส  อะแดปเตอร์จ่ายไฟเลี้ยงโมเด็มและสายเคเบิ้ล  ส่วนโมเด็มแบบพอร์ต USB จะไม่มีอะแดปเตอร์จ่ายไฟ  เนื่องจากที่พอร์ต USB จะมีวงจรจ่ายไฟเลี้ยงให้กับสายสัญญาณอยู่แล้ว ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้งานมากขึ้น รวมทั้งยังมีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงกว่า แบบพอร์ต Serial  อีกด้วย จึงเป็นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น